การปวดท้องน้อย ปวดมดลูก อาจเกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน อาจเป็นลักษณะทันทีทันใด หรือเป็นเรื้อรังนาน ๆ ก็ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ต่างกัน เมื่อจะไปหาแพทย์ แพทย์มักจะถามหลายคำถามเกี่ยวกับ
ลักษณะการปวด และการรบกวนผิดปกติที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน แบ่งได้คือ
1. การปวดมดลูกอย่างทันทีทันใด
การปวดท้องน้อย ปวดมดลูก ทันทีทันใดมักเกิดจากสาเหตุอย่างหนึ่งอย่างเดียวเช่นการอักเสบ #มดลูกอักเสบ #เนื้องอกของรังไข่ หรือ #ท้องนอกมดลูก
การอักเสบ ได้แก่ มดลูกอักเสบ ปีกมดลูกอักเสบ การอักเสบของทางเดินปัสสาวะ ลำไส้ หรือ ไส้ติ่งอักเสบ
มดลูกอักเสบ หมายถึง มีการอักเสบของมดลูกและปีกมดลูกข้างหนึ่งหรือสองข้างจากการติดเชื้อโรคซึ่ง ม้กเป็นเชื้อแบคทีเรีย โรคมักเกิดขึ้นที่ช่องคลอดและปากมดลูกก่อนแล้วลามเข้าไปข้างใน อาการคือปวดท้องน้อย ตกขาวผิดปกติ มีไข้ ขยับตัวหรือกระเทือนหรือกดท้องน้อยจะเจ็บมากขึ้น เจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์
อักเสบทางเดินปัสสาวะ อาจมีอาการปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะบ่อย มีอาการปวดหลังร่วมด้วย ถ้าโรคลามถึงไตจะมีอาการหนาวสั่น
เนื้องอกรังไข่ อาจมีลักษณะเป็นเนื้องอกตันหรือถุงน้ำ (Cyst) อาการปวดอาจมีลักษณะปวดตื้อๆ ถ่วง ๆ ท้องน้อย จะมีอาการปวดแบบทันทีทันใดถ้าถุง Cyst มีการรั่ว ทำให้น้ำหรือเลือดออกมาในช่องท้อง หรือมีการบิดตัวที่ขั้ว Cyst
ท้องนอกมดลูก คือ การตั้งครรภ์ที่ตัวอ่อนไปเกาะเจริญที่อื่นนอกตัวมดลูก มักเกิดขึ้นที่ท่อนำไข่ คือ หลังจากปฏิสนธิ ตัวอ่อนซึ่งควรจะเคลื่อนเข้ามาในมดลูกแต่มาไม่ได้ อาจจะเกิดจากมีพังผืดในท่อนำไข่ เมื่อเจริญมากขึ้นก็ดันท่อนำไข่โป่งและแตก มีเลือดไหลออกมาในช่องท้อง ทำให้ปวดท้องและมีอาการใจสั่นหน้ามืดจากเสียเลือดในท้องมาก อาจมีอาการช็อกและเสียชีวิตได้
2. การปวดท้องน้อย ปวดมดลูก เรื้อรัง
อาจมีสาเหตุเดียว หรือเกิดจากหลาย ๆ สาเหตุร่วมกัน อาการเริ่มแรกมักปวดเป็นๆ หาย ๆ แล้วต่อมาปวดตลอดเวลา หรือ บางรายปวดร่วมกับการมีรอบประจำเดือน ตัวอย่างเช่น #ปวดประจำเดือน สาเหตุจากโรคอวัยวะอื่น ๆเนื้องอกมดลูก และ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญขึ้นผิดที่
ปวดประจำเดือน เมื่อสตรีมีประจำเดือนไม่ควรจะปวด หรือปวดเพียงเล็กน้อยพอรู้สึก ถ้าปวดมากมักจะมีความผิดปกติเกิดขึ้น อาจเกิดจากการมีสารเคมีบางอย่าง ที่ทำให้มดลูกบีบตัวมากเกินไป หรือจากมีเนื้องอกมดลูก หรือจากโรคเยื่อบุโพรงมดลูกขึ้นผิดที่ ถ้าปวดช่วงกลาง ๆ รอบเดือน (คือ ประมาณวันที่ 14 - 15 ของรอบเดือน) บางครั้งมีเลือดออกด้วยน้อย ๆ อาจเกิดจากการตกไข่ เชื่อว่า น้ำจากถุงรังไข่ขณะตกไข่ไหลออกมาระคายเคืองเยื่อบุช่องท้องที่อาจมีความผิด ปกติบางอย่าง ซึ่งอาจจะมีอาการน้อย ๆ หรือปวดมากก็ได้
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญขึ้นผิดที่ หมายความว่า การที่มีเยื่อบุโพรงมดลูกที่มีหน้าที่เลี้ยงตัวอ่อนเวลาเริ่มตั้งครรภ์ หรือเมื่อหลอดเลือดออกมาพร้อมกับเลือดจากโพรงมดลูกเวลามีประจำเดือนนั้น ไปขึ้นอยู่นอกโพรงมดลูก ซึ่งอาจจะเป็นว่าขึ้นอยู่ภายในเนื้อมดลูก หรือขึ้นอยู่ภายนอกมดลูกในอุ้งเชิงกราน ซึ่งโรคนี้จะทำให้มีอาการปวดประจำเดือน โดยเฉพาะในวันแรกๆ ของประจำเดือน หรือวันก่อนมีประจำเดือนมา แล้วมักจะปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไปนาน ๆ
สำหรับคนที่มีคู่แล้ว อาจมีปัญหาว่าเจ็บในท้องน้อย เจ็บมดลูก เวลามีเพศสัมพันธ์หรือมีบุตรยาก ทั้งนี้เพราะการที่เยื่อบุโพรงมดลูกไปขึ้นผิดที่ทำให้มีปฏิกิริยาของร่างกาย บริเวณนั้นต่อต้านเหมือนมีการอักเสบ เมื่อนาน ๆ เข้าก็เกิดเป็นพังผืดเกิดขึ้น และการที่เลือดออกเหมือนประจำเดือนก็ทำให้เลือดขังอยู่ โดยเฉพาะในเนื้อมดลูกและรังไข่ ทำให้เกิดเป็นถุง Cyst ขึ้นและทำให้ปวด บางครั้งเลือดที่ขังอยู่ใน Cyst รั่วหรือแตกออกมาระคายเคืองเนื้อเยื่อช่องท้อง ก็ทำให้มีอาการปวดรุนแรงฉับพลันได้ ส่วนที่ขึ้นอยู่ในเนื้อมดลูกทำให้ตัวมดลูกโตขึ้น ทำให้เลือดประจำเดือนมามากขึ้นเหมือนอาการของเนื้องอกมดลูกได้
เนื้องอกมดลูก หมายถึง กล้ามเนื้อของมดลูกกลายเป็นเนื้องอก คือแบ่งตัวเจริญเร็วกว่าธรรมดาไม่หยุดนิ่ง แต่ไม่ใช่มะเร็ง เพราะไม่ลุกลามไปที่อื่น แต่มดลูกที่โตจะไปเบียดบังอวัยวะอื่น ทำให้ปวดหรือ เนื้อดีของมดลูกพยายามบีบตัวไล่ก้อนเนื้องอกเวลามีประจำเดือน เพราะคิดว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม จึงทำให้มีอาการปวดขึ้นได้
ดังนั้นสาวๆ ต้องหมั่นดูแลตัวเองดีๆ นะคะ
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร "Joel " ฟื้นฟูดูแลปัญหามดลูกโดยเฉพาะ ปรับสมดุลให้มดลูกทำงานเป็นปกติ ด้วยส่วนผสมที่เข้มข้นของ เบต้ากลูแคน ที่ช่วยลดและป้องกันการอักเสบภายใน มดลูกได้เป็นอย่างดีค่ะ
สอบถามผลิตภัณฑฺติดต่อ📞 091-575-4565 line : joob5665
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น